Do you know me??
-----------------------------------
I was just an ordinary little girl when I started to learn English. My parents decided to put me in the environment that fostered my English abilities, namely schools and learning from foreign teachers. Having got many opportunities in life, I could develop my skills to the full. Thanks to my Mum, especially, as the love of English in her encouraged her to instill the love of English in me, in my little heart. Since young, I never got bored or tired of learning English. I loved and still do love learning English till this very day. I would like to share this wonderful feeling to all. That’s why I came up with the idea of making my own channel, my own page that could pass on happiness in learning English to everyone.
-----------------------------------
I have learnt first hand the techniques which helped me develop my English abilities. I always tell people who come up to me, who oftentimes praise my abilities, that anyone CAN do it if only you put your heart to it like I did. But thanks to Mum and Dad for abundant opportunities they had given me so that I could develop whatever skills I possibly could to be me today.
-----------------------------------
กี๋เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งตอนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ พ่อกับแม่ให้กี๋ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถภาษาอังกฤษ ซึ่งก็คือ โรงเรียนและคุณครู เป็นเพราะกี๋ได้รับโอกาสมากมายจากท่านกี๋ถึงพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างเต็มที่ ต้องขอบคุณแม่เป็นพิเศษที่แม่ชอบภาษาอังกฤษและนั่นทำให้แม่ใส่ความรักในภาษาอังกฤษในหัวใจน้อยๆของกี๋มาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไร กี๋ไม่เคยเบื่อหรือเหนื่อยกับการเรียนภาษาอังกฤษเลย กี๋ชอบเรียนภาษาอังกฤษมากกกจนถึงทุกวันนี้ กี๋อยากจะแชร์ความรู้สึกแบบนี้ให้ทุกคน กี๋ถึงได้ทำช่องทำเพจขึ้นมาเพื่อจะส่งผ่านความสุขในการเรียนภาษาอังกฤษให้กับทุกๆคนค่าาาา
-----------------------------------
กี๋ได้เรียนเทคนิคหลายอย่างจากประสบการณ์ตัวเองเป็นเทคนิคที่ช่วยให้กี๋พัฒนาภาษาอังกฤษมาได้ กี๋บอกทุกคนที่มักมาชื่นชมกี๋เสมอว่า ใครก็ “ทำได้” เหมือนกันแค่ต้องใช้หัวใจ และกี๋ต้องขอบคุณป๊ากับแม่สำหรับโอกาสมากมายจริงๆที่ทำให้กี๋สามารถพัฒนาทักษะทุกอย่างที่กี๋จะคิดออกได้จนกลายมาเป็นกี๋ในวันนี้
สรุปแล้วคือ กี๋ไม่ได้จบเมืองนอก ไม่ได้เรียนโรงเรียนอินเตอร์นะคะ คร่าวๆดังนี้ค่ะ (นี่คร่าวๆนะ ยาวมากกกก 5555)
-----------------------------------
เรียนอัสสัมชัญ 9 ปี (อัสสัมชัญ อุบลเด้อจ้ะ คนอีสานจ้าา นร.หญิงรุ่นแรกด้วยเด๋ตอนเข้าป. 1 พ่ะน่ะ ยุคโบค่าาา ตอนนั้นอัสสัมยังไม่มีอนุบาลเลย ถ้ามีแม่คงพาเข้าละล่ะค่ะ) ในขณะที่เรียนอัสสัมชัญก็เริ่มเรียนกับครูต่างชาติตั้งแต่ป. 5 ทั้งที่โรงเรียนและขอแม่ไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนโดยกำชับแม่ว่า “แม่หนูขอเรียนกับครูฝรั่งนะ อย่าพาหนูไปหาครูไทยนะ” ขอแบบเด็กๆอะค่ะ มีอยู่ช่วงนึงกี๋เรียนห้องสองภาษา (Bi-lingual Programme) เรียนคณิต วิทย์ อังกฤษเป็นภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ (เลยงงกับคณิตและวิทย์มาจนถึงทุกวันนี้ 5555 ไปทางด้านภาษาก็ได้! 55555) พูดถึงเรียนพิเศษ กี๋เรียนตั้งแต่ป. 5 ถึงม. 6 โดยขอแม่เรียนกับครูต่างชาติเท่านั้นและไม่เรียนทำข้อสอบ 55555 เรียนฟัง พูด อ่าน เขียนตามปกติ แต่ปรากฎพูดได้ก็ทำข้อสอบได้ ไม่ยากจ้าาาา
-----------------------------------
ช่วงเรียนม. ต้นที่อัสสัม แม่ส่งกี๋ไปออสเตรเลียกับครูที่โรงเรียนค่ะ อัสสัมจัดคล้าย summer study abroad แม่กับป๊าก็ให้กี๋ไปอายุ 13! เด็กมากนะคะสำหรับกี๋ ไปกันรวมครูสองท่านคือ 7 คนค่ะ เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรก และเริ่มชอบเรียนภาษามากกกขึ้นไปอีก ไปแป๊บเดียวค่ะ 3 สัปดาห์
-----------------------------------
และช่วงม. ปลายกี๋เรียนรร.เบ็ญจะมะมหาราช สายศิลป์เน้นภาษาอังกฤษเช่นกัน แล้วไปเรียนม.ขอนแก่นต่อเอกภาษาอังกฤษค่ะ
-----------------------------------
ช่วงที่เรียนตั้งแต่อัสสัม ไปเบ็ญ ไปม.ขอนแก่นกี๋ทำกิจกรรมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษตลอด ไม่ว่าจะเป็น public speaking ตั้งแต่อยู่อัสสัมและเบ็ญ แล้วมหาลัยก็ยังทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนช่วงมหาลัยคือกิจกรรมเยอะมากกกกกกกกกก อะอย่าเพิ่งเบื่ออ่านเรื่องกี๋นะ public speaking, debate, แสดงละครมหาลัยเป็นภาษาอังกฤษ เป็นพิธีกรภาษาอังกฤษหลายงานทั้งงานในมหาลัยและงานนอกมหาลัย จัดรายการวิทยุเป็นภาษาอังกฤษเป็นรายการแรกของมหาลัยที่ทั้งหมดเป็นอิ๊ง ได้ทุนไปจีนและฮ่องกง เป็นทุนที่เขารวบรวมนศ.จากมหาลัยทั่วโลกไปทัศนศึกษาร่วมกัน เลยได้พูดอิ๊งกันทั้ง 100 คนจากทั่วโลก
-----------------------------------
จากนั้นได้ทุนมหาลัยของออสเตรเลีย ไปเรียน 1 เทอมที่ University of South Australia (UniSA) ตอนที่ขอทุนนั้นต้องสอบ IELTS ใช้คะแนนเพื่อเข้ามหาลัยที่นั่น เขาขอ band 5.5 ก็สามารถเรียนได้ กี๋ไปสอบครั้งแรก ไม่เคยติวสอบเลย มีอาจารย์ที่คณะบางท่านช่วยเตรียมเล็กน้อย ขอขอบพระคุณทุกท่านมากๆค่ะ แล้วกี๋ก็เข้ากทม.ไปสอบ ได้ band 7 และการรับทุนครั้งนั้นเป็นระยะเวลาเรียน 5 เดือน นานที่สุดที่กี๋เคยไปอยู่เมืองนอก
-----------------------------------
อ้อ และในช่วงปิดเทอมปี 1 ของมหาลัยที่กี๋ไปอเมริกาโครงการ work&travel ไปทำงาน 3 เดือน ทำในร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารค่ะ ได้ฝึกภาษาเยอะมากเหมือนกันค่ะ
-----------------------------------
ดังนั้น ทั้งหมดนี้ที่กี๋มีทักษะภาษาอังกฤษในวันนี้ ส่วนใหญ่คือมาจากการเรียนรู้ฝึกฝนที่ประเทศไทยค่ะ และมีเสริมเพิ่มเติมเล็กน้อยตอนไปเมืองนอกตามที่เล่ามาเลยค่ะ
-----------------------------------
จบแล้วนะคะ ยาวมากเลย ใครอยากให้กี๋เล่าประสบการณ์ส่วนไหนเพิ่มเติม ขยายเรื่องการเรียนทักษะภาษาอังกฤษตรงไหนก็บอกได้นะคะ
สุดท้ายนี้......
Learning English is like eating vanilla ice cream in hot summer! It’s refreshing and makes you happy!
มาสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยกันนะคะ